วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

เรียนก็ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือมาทั้งคืน ทำไมยังจำอะไรไม่ได้อีกน๊า??


ยังจำได้อยู่ว่าสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยพอใกล้สอบทีไรก็มานั่งอ่านหนังสือโต้รุ่งยันเช้า กะว่าจะเอาหนังสือทั้งเล่มมายัดไว้ในสมองเลย พอมาถึงตอนทำงานก็อ่านหนังสือข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับงาน อ่านให้มากที่สุดจะได้จบไวๆ ไปทำงานได้ แต่ปรากฎว่าจำอะไรไม่ได้เลย เชื่อหรือไม่ว่า "สติกโกลด์" นักประสาทวิทยาชาวอังกฤษได้รายงานผลการทดลองในนิตยสาร Cognitive Neuroscience ในปี 2000 ว่าการเรียนรู้ข้อมูลหรือเทคนิคใหม่ๆ นั้นต้องอาศัยการนอนหลับในวันที่ได้เรียนรู้ไม่ต่ำว่า 6 ชั่วโมง ความทรงจำจึงจะถูกบันทึกลงในสมองได้ ส่วนความทรงจำที่เข้าสู่สมองโดยไม่มีการพักผ่อนนั้นจะไม่ได้รับการบันทึกลงในสมอง และจะหายไปในสองสามวัน เพราะความทรงจำจะถูกจัดเรียงและบันทึกในระหว่างหลับ การอ่านหนังสือทั้งคืนโดยไม่หลับไม่นอน จะทำให้ความรู้เหล่านั้นไม่ได้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นความทรงจำระยะยาว ต่อให้เราทุ่มเท อึด ถึก ทน พยายามแค่ไหนผลที่ได้ก็ออกมาตั้งกันข้าม อย่างที่เขาว่ากันว่า "สอบเสร็จก็ส่งความรู้คืนอาจารย์ไปด้วย" ยังไงล่ะครับ >> https://bitly.com/brainproduct

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

ว่าด้วยเรื่องของ Apple

แอปเปิ้ลแดง มีสารแอนติออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีสารอีลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิว

แอปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุด ซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย

แอปเปิ้ลสีเหลือง มีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก

แอปเปิ้ลสีเขียว รสมักจะเปรี้ยวให้วิตามินซี และช่วยลดน้ำหนัก อีกทั้งมีอีลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี

ชอบแอปเปิ้ลสีไหนก็ทานกันตามสบายเลยนะคะ แต่ถ้าจะให้ได้ประโยชน์ครบถ้วน ทานแอปเปิ้ลให้ครบทุกสีก็ดีไม่น้อยนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://health.kapook.com/view35228.html

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คืนนี้มีเคาท์ดาวน์ปาร์ตี้ แล้วร่างกายจะโทรมมั๊ยเนี่ย


ในวันปีใหม่อย่างนี้เชื่อว่าทุกคนคงมีปาร์ตี้หรืองานเคาท์ดาวน์ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งบางกรณีอาจจะมีเครื่องดื่นแอลกอฮอล์เพิ่มเติมเพื่อความสนุกสนานยิ่งขึ้น แต่ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วย การทานอาหารที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดก็เป็นทางเลือกหนึ่ง รวมไปถึงการทานอาหารที่มีวิตามินบีและวิตามินซีสูงก็จะช่วยกำจัดแอลกอฮอล์ไปจากร่างกายได้อย่างดี โดยเฉพาะน้ำผลไม้หรือผลไม้ที่มีวิตามินบีและซี จำพวกฝรั่ง ส้ม กล้วย เชอรี่ รวมทั้งผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับตับ รวมทั้งน้ำตาลฟรุกโทสก็จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้เร็วขึ้น รู้อย่างนี้แล้วทั้งคนดื่มและไม่ดื่มก็ควรดูแลตัวเองไว้ก่อน สวัสดีปีใหม่ครับ >>พบวิตามินต่างใน http://bit.ly/vitamingel

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

นอนน้อย ระวังโรคอ้วนจะถามหานะฮราฟฟฟ


คนบางคนอาจเข้าใจว่าการนอนน้อยจะทำให้ผอมลง เพราะใครบางคนมักโดนทักว่า "ผอมไปอย่างนี้นอนดึกแน่เลยช่วงนี้" มีการวิจัยจากสหรัฐฯ พบว่าคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมงมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากถึง 73% คนที่นอนวันละ 6 ชั่วโมงมีโอกาสเป็นโรคอ้วนถึง 23% เนื่องมาจากการนอนน้อยจะทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนไปโดยจะกระตุ้นให้ร่างกายอยากอาหารมากขึ้น และสะสมไขมันมาขึ้น ส่วนการนอนที่ทำให้ห่างไกลโรคอ้วนคือนอนวันละ 8 ชั่วโมง >> https://bitly.com/dietprod

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กินค่ำกินคืน กินผิดเวลาระวังเจอรวมดาราโรคนะจ๊ะ


เดี๋ยวนี้หลายคนติดนิสัยกินอาหารมื้อค่ำเป็นมื้อหลัก หรือบางคนเลยเถิดไปถึงช่วงดึก ยิ่งมีร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชม.ด้วยแล้ว รู้หรือไม่ว่าการกินอาหารมื้อดึกร่างกายจะรับแคลอรี่ ซึ่งไม่สามารถเอาไปใช้ในวันถัดไปได้ ทำให้ร่างกายสะสมแคลอรี่มากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณช่องกลางลำตัว ร่างกายจะมีรูปร่างแบบลูกแอปเปิ้ล ที่แย่กว่านั้นคือมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจ!!! โดยไขมันที่อยู่ในกลางลำตัวนี่แหละ ที่เป็นส่วนที่ลดยากที่สุด ใครที่มีอยู่ต้องรีบลดโดยด่วนๆๆๆ >> https://bitly.com/dietprod

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เชื่อหรือไม่ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ!!!

การดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวัน จะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน รวมทั้งขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย ทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพดีขึ้น อีกทั้งผิวยังสดใสด้วย วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าเราได้รับน้ำไม่เพียงพอ คืออาการปากแห้งคอแห้งและปัสสาวะเหลือง และการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารสัก 1 แก้ว ก็จะช่วยให้เราควบคุมอาหารได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เชื่อหรือไม่ การร้องเพลง ระหว่างอาบน้ำสามารถดูแลผิวคุณให้ชุ่มชื้นไม่แห้งเสียได้


การอาบน้ำคือการทำความสะอาดร่างกาย รวมทั้งเป็นการปลุกเซลล์ต่างๆในร่างกายให้ตื่นมาสดใสซาบซ่าน แต่รู้หรือไม่ว่ามันก็เป็นการทำลายความชุ่มชื้นต่อผิวเราอีกทางหนึ่ง การอาบน้ำที่ดีไม่ว่าจะเป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็นจึงไม่ควรใช้เวลาเกิน 5 นาที ดังนั้นการร้องเพลงในห้องน้ำ จึงเป็นวิธีการดูแลผิวคุณไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น เพราะความยาวของเพลงมักไม่เกิน 5 นาที แล้วอย่าลืมดูแลผิวให้สวยเปล่งปลั่งอีกขั้นด้วย lotion ด้วยล่ะ https://bitly.com/alotion